ตั้งชื่อร้าน ตั้งชื่อร้านให้รวย 10 ทริคบอกต่อ! ⊱ เรียกทรัพย์ เงินไหลมาเทมา

การตั้งชื่อร้าน คือจุดเริ่มต้น และเป็นเรื่องสำคัญในการที่จะเริ่มต้นขายสินค้า หรือทำธุรกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในเคล็ดลับสำคัญที่หลายคนมักมองข้าม โดยการตั้งชื่อร้านที่ดีควร ตั้งชื่อร้านให้รวย ส่งเสริมด้านการเงิน ทั้งยังมีความหมายในเชิงบวก เป็นมงคล น่าจดจำ โดยจะช่วยให้ร้านของคุณนั้นดูแตกต่าง และโดดเด่นจากคู่แข่ง รวมไปถึงยังช่วยสร้างภาพลักษณ์ และตัวตนที่ดีได้อีกด้วย อีกทั้งยังเป็นส่วนที่กลุ่มลูกค้าจะได้เห็นเป็นลำดับแรก ๆ มีผลโดยตรงกับการรับรู้ การจดจำ ความเป็นมืออาชีพในธุรกิจ ส่งผลให้มีการกลับมาซื้อหรือใช้บริการซ้ำอีกครั้ง เพราะฉะนั้น หากเราเริ่มต้นกิจการโดยเลือกใช้ชื่อร้านที่ดี จะมีชัยไปกว่าครึ่งเลยล่ะค่ะ

✦ ลองเลือกอ่าน

1. ตั้งชื่อร้าน ให้อ่านง่าย

เคล็ดลับของการ ตั้งชื่อร้านให้รวย ที่สำคัญเป็นลำดับแรกนั่นก็คือ ควรเป็นชื่อที่เรียบง่าย สะกดง่าย เลือกใช้ตัวอักษรที่ไม่อ่านยากจนเกินไป ควรเป็นคำที่ไม่ว่าใครก็สามารถอ่านออกเสียงได้ ไม่สร้างความสับสนให้กับลูกค้า เพราะจะทำให้ลูกค้ารู้สึกเข้าถึงได้ และช่วยให้กลุ่มเป้าหมายสามารถจดจำร้านของเราได้ง่ายขึ้น เช่น

ทองสมิทธ์
Copper Buffet
BEARHOUSE

2. ควรเป็นชื่อที่สั้น จำง่าย หลีกเลี่ยงการใช้อักษรย่อ

การตั้งชื่อร้าน ควรมีความสั้น กระชับ ง่ายต่อการจดจำของผู้คน ความยาวแนะนำประมาณ 3-5 พยางค์ ซึ่งโดยส่วนใหญ่ร้านดัง ก็มักจะใช้ชื่อที่ไม่ยาวมากจนเกินไป เช่น

After you
Matchbox
สุกี้ตี๋น้อย

ในส่วนของการตั้งชื่อร้านโดยใช้ชื่อย่อนั้น อาจทำให้ง่ายการสื่อสารที่ง่ายขึ้น แต่ในกรณีที่ร้านเพิ่งเริ่มต้น การใช้ชื่อย่อจะทำให้ลูกค้าไม่ทราบว่าคุณกำลังขายสินค้าเกี่ยวกับอะไร อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่จะไปซ้ำกับชื่อร้านอื่นได้ง่าย และไม่เป็นที่จดจำ ตัวอย่างเช่น

ร้าน SLF กับ Smell like flowers ซึ่งจะเห็นได้ว่าชื่อร้านที่มีการเขียนแบบเต็มนั้น ออกเสียงง่าย สามารถรู้ได้ว่าร้านนี้ขายอะไร และสามารถจดจำได้ง่ายกว่า

3. ตั้งชื่อร้านที่มีความหมายที่ดี

การตั้งชื่อร้านให้มีความหมายที่ดี หรือมีความหมายเชิงบวก จะสามารถแสดงจุดยืน ทั้งยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และภาพลักษณ์ที่ดีต่อลูกค้า จนสามารถดึงดูดให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้า และตัดสินใจซื้อในที่สุด ตัวอย่างชื่อร้านค้าที่มีความหมายดี เช่น

ร้านสปา Derlife Natural เป็นการนำคำที่มีความหมายที่ดีมาเรียงต่อกันให้เป็นชื่อร้าน โดยคำว่า Life แปลว่า ชีวิต ชีวา และ Natural ที่แปลว่า เป็นธรรมชาติ ส่วนคำว่า Der ใส่เข้ามาเพื่อความไพเราะ และให้อ่านได้ง่ายขึ้น เมื่อนำคำมารวมกันจะได้ความหมายว่า ดูแลชีวิตด้วยธรรมชาติ
ร้านเสริมสวย Realtybonnie เป็นการนำคำที่มีความหมายที่ดีมาเรียงต่อกันให้เป็นชื่อร้าน โดยคำว่า Realty มาจากคำว่า Real แปลว่า โดยแท้, แท้จริง และคำว่า Bonnie แปลว่า สวย, น่ารัก เมื่อนำคำมารวมกันจะได้ความหมายว่า ความสวยที่แท้จริง

4. ตั้งชื่อร้าน ให้เป็นมงคล ถูกหลักเลขศาสตร์

ตั้งชื่อร้านให้เป็นมงคล โดยชื่อที่เป็นมงคลจะมีการวิเคราะห์ผ่านหลักเลขศาสตร์ จะมีการนำเอาอักษร สระ วรรณยุกต์ต่าง ๆ ในภาษาไทย และตัวอักษรภาษาอังกฤษมาถอดเป็นตัวเลข 9 ตัว ซึ่งผลรวมของเลขควรอยู่ในกลุ่มเลขศาสตร์ที่เป็นมงคล และส่งผลดีต่อธุรกิจมาใช้ในการตั้งชื่อร้าน จะช่วยส่งเสริมดวงชาตากิจการให้เจริญก้าวหน้า ร่ำรวย ประสบความสำเร็จได้โดยง่าย ตัวอย่างเช่น

ร้าน BEARHOUSE เมื่อถอดค่าทางเลขศาสตร์ จะได้เลข 36 ซึ่งเป็นเลขที่ดีมาก บุคคลที่ตกอยู่ใต้อิทธิพลของเลขนี้ชีวิตจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีมิตรสหายมาก มีคนอุปถัมภ์ไม่ตกอับ มีหลักฐานมั่นคง มีความรู้ความสามารถที่ดี ขยันขันแข็ง มีความเกื้อหนุนปรองดองกัน มีชื่อเสียง หาเงินได้คล่อง มีเงินทองใช้ไม่ขาดมือ อาชีพที่เหมาะสม สามารถทำได้เกือบทุกอาชีพ โดยเฉพาะอาชีพที่ต้องติดต่อสื่อสารกับคนอื่น จะได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี เช่น ประชาสัมพันธ์ติดต่อลูกค้า ตัวแทนจำหน่ายสินค้า เจ้าของธุรกิจ ผู้บริหาร ดารา นักแสดง ศิลปิน

จะเห็นได้ว่าร้านชื่อดังก็ไม่ละเลยที่จะใช้ชื่อแบรนด์มงคลเช่นเดียวกันค่ะ

ในการเลือกเลขศาสตร์ ที่ใช้ตั้งชื่อบริษัทเพื่อเสริมดวงกิจการให้เฮงและปังนั้น จะต้องพิจารณาด้วยว่าธุรกิจของท่านนั้นเป็นธุรกิจประเภทใด ควรเสริมดวงกิจการด้านใด เพื่อให้สามารถเลือกกลุ่มเลขศาสตร์ที่ดีที่สุดในการตั้งชื่อบริษัท

5. ตั้งชื่อให้โดดเด่น สะดุดหู ไม่เจาะจงสินค้าและบริการ

การตั้งชื่อร้านให้โดดเด่น เป็นคำที่สะดุดหู ฟังแล้วรู้สึกกระแทกใจ จะช่วยดึงดูดความสนใจของลูกค้าได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังควรตั้งชื่อไม่เฉพาะเจาะจงสินค้าที่ขายจนเกินไป เพื่อต่อยอดในการขายสินค้าและบริการประเภทอื่น ๆ ได้ในอนาคต เมื่ออยากเพิ่มชนิดสินค้าและบริการให้หลากหลายหรือขยับขยายธุรกิจขึ้นมา จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนชื่อร้านใหม่ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าไม่สับสน ทั้งยังสามารถรับรู้ถึงภาพลักษณ์ของร้านได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น

เราอยากขายเค้ก จึงตั้งชื่อร้านว่า Cake in your heart แต่ในภายหลังเราอยากเพิ่มสินค้าที่เกี่ยวกับเบเกอรีชนิดอื่นด้วย แต่ชื่อร้านที่ตั้งไม่ครอบคลุมกับสินค้าที่เราขาย ลูกค้าอาจจะไม่ทราบได้ว่าเราขายขนมชนิดอื่นด้วย ถ้าเปลี่ยนชื่อร้านเป็น Bakery in your heart ชื่อร้านนี้จะครอบคลุมกับขนมและเบเกอรีทุกประเภท โดยไม่ต้องเปลี่ยนชื่อร้านใหม่

6. ตั้งชื่อร้านให้แตกต่าง ไม่เหมือนใคร

การตั้งชื่อร้านที่เหมือนกันหรือคล้ายกัน ทั้งในด้านการเขียนและออกเสียงนั้น จะทำให้ลูกค้าเกิดความเข้าใจผิด และลังเลในการซื้อสินค้าและใช้บริการได้ เพราะนอกจากสร้างความสับสนแล้ว อาจทำให้มีปัญหาตามมาในภายหลัง ดังนั้นในการตั้งชื่อร้าน ควรมีการหาข้อมูลให้ถี่ถ้วนว่าชื่อร้านนี้มีใครใช้แล้วหรือยัง รวมไปถึงชื่อที่จะตั้งร้านนั้น ต้องไม่คล้ายกับชื่อร้านอื่นอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น

ร้าน SARAA กับ ร้าน SALAA จะเห็นได้ว่าชื่อทั้งสองร้านมีความคล้ายคลึงกันเป็นอย่างมาก และอาจทำให้ลูกค้าสับสนได้

7. ไม่ควรใช้ชื่อสถานที่มาตั้งชื่อร้าน

การตั้งชื่อร้านตามสถานที่ตั้งนั้น อาจเป็นข้อจำกัดในอนาคตเมื่อเจ้าของธุรกิจคิดจะขยายสาขาเพิ่มเติมไปยังพื้นที่อื่น ๆ ทำให้การใช้ชื่อร้านตามที่ตั้งทำเลนั้นเป็นปัญหาในอนาคต เพราะลูกค้าอาจจะสับสนได้ว่า สถานที่ตั้งอยู่ที่ใดกันแน่ ยกตัวอย่างเช่น

ร้านกาแฟ → แม่สะเรียง คอฟฟีช็อป
ร้านตัดผม → พัทยา บาร์เบอร์

8. ไม่ควรใช้ชื่อเจ้าของธุรกิจมาตั้งชื่อร้าน

อีกข้อแนะนำที่ไม่ควรนำมาใช้ในการตั้งชื่อร้าน คือชื่อเจ้าของธุรกิจ เนื่องจากการนำชื่อบุคคลมาตั้งร้านนั้น อาจจะเกิดปัญหาในการจดจำของลูกค้า อีกทั้งในบางร้าน อาจจะมีหุ้นส่วนร่วมด้วย ถ้านำชื่อคนใดคนหนึ่งมาตั้งชื่อร้าน อาจเกิดความขัดแย้งได้ รวมไปถึงการใช้ชื่อบุคคล ยังเป็นชื่อที่ไม่สร้างความดึงดูดใจต่อลูกค้าอีกด้วย เช่น

ร้านขายน้ำหอม → สมฤทัย เพอร์ฟูม
ร้านขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ → พี่ตี๋ ไอที

9. ตั้งชื่อร้านที่ง่ายต่อการทำโลโก้

โลโก้ร้านที่ดูดีนั้น ส่วนหนึ่งมาจากชื่อร้านที่ดี ซึ่งควรตั้งชื่อให้สะดุดตา มีความยาวพอดี สามารถดึงดูดให้ลูกค้ามาสนใจได้ เนื่องจากโลโก้นั้น ทำหน้าที่เป็นหน้าตาส่วนแรก เช่นเดียวกับชื่อร้าน และควรมีการออกแบบที่เข้ากับชื่อร้านเช่นกัน ดังนั้น ในการตั้งชื่อจึงควรคำนึงถึงการออกแบบโลโก้ว่าสามารถออกแบบได้ง่ายหรือไม่ โดยโลโก้นั้นมักจะอยู่ในส่วนสำคัญต่าง ๆ ของร้าน ยกตัวอย่างเช่น

ป้ายร้าน
หน้าปกเพจ / โปรไฟล์เพจ
สื่อโฆษณาโปรโมทร้าน
ป้ายเมนู / รายการเมนู / ภาชนะ (ในกรณีที่เป็นร้านอาหาร / เครื่องดื่ม)
ฯลฯ

ตัวอย่างการออกแบบโลโก้ร้าน ของทาง อ.ชัญ Thelucky

สำหรับใครที่กำลังมองหาโลโก้ร้านสวย ๆ ไม่ซ้ำใคร สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: บริการออกแบบโลโก้ฮวงจุ้ย

10. อย่าลืม ! ดูฤกษ์เปิดร้าน / กิจการ

การจะสร้างร้านขึ้นมา แล้วสามารถขายสินค้าให้ราบรื่นไปได้ด้วยดีนั้น นอกจากชื่อ และโลโก้ร้านที่ดีแล้ว สิ่งสำคัญที่หลาย ๆ คนมักจะมองข้าม นั่นก็คือการดูฤกษ์เปิดร้าน / กิจการ เปรียบเสมือนการปูทางให้เรื่องดี ๆ เข้ามาได้ง่ายขึ้น กิจการราบรื่น ไม่ติดขัด โดยฤกษ์เปิดร้าน เป็นการดูฤกษ์มงคล ฤกษ์งามยามดี วันที่ดีวันที่เหมาะสม และเป็นวันที่เจ้าของกิจการสะดวก

✦ ถ้าใครยังไม่มีไอเดียในการตั้งชื่อร้าน สามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับการตั้งชื่อร้านค้ากับทาง อ.ชัญ ได้ที่ Line: @theluckyname โดย อ.ชัญ จะตั้งชื่อร้านผ่านการวิเคราะห์หลักเลขศาสตร์ ซึ่งจะได้ชื่อร้านที่เป็นมงคล ไม่ซ้ำใคร และเสริมภาพลักษณ์ของร้านให้ด้วยค่ะ