Brand คือ ภาพลักษณ์ และมุมมองความคิดที่ลูกค้ามีต่อสินค้า เป็นความรู้สึกที่ถูกสื่อสารผ่านสิ่งที่เกี่ยวกับแบรนด์ โดยแบรนด์นั้นควรจะเป็นที่น่าจดจำ ลูกค้าสามารถจำแนกสินค้าได้ว่าเป็นของแบรนด์ไหน แต่ที่น่าสงสัยนั่นก็คือ จะทำอย่างไรให้เป็นที่รู้จัก น่าจดจำ และกลับมาซื้อ หรือใช้บริการแบรนด์ของเราอีกครั้งได้
ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่ควรคำนึงถึง และควรให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ คือ บรรจุภัณฑ์สินค้า เนื่องจากเป็นสิ่งที่แสดงภาพลักษณ์ของธุรกิจ ช่วยในเรื่องของการจดจำตัวสินค้าได้ดี และยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ลูกค้ามองเห็นเป็นอับดับแรก เป็นสิ่งดึงดูดให้ลูกค้าอยากเห็นตัวสินค้า โดยการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ก็ควรคำนึงถึงกลุ่มเป้าหมาย รูปแบบของสินค้า ดีไซน์ ความน่าเชื่อถือ หรือแม้กระทั่งประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ลูกค้าได้สัมผัสบรรจุภัณฑ์
โดยการ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ ก็มักเปลี่ยนไปตามกระแสความนิยมของโลกในปัจจุบัน นับเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เจ้าของแบรนด์ หรือคนที่อยากสร้างแบรนด์เป็นของตัวเองไม่ควรละเลย และควรให้ความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ โดยได้รวบรวม 15 เทรนด์ออกแบบบรรจุภัณฑ์ มาแรงในปี 2023 มาเป็นตัวเลือกในการตัดสินใจให้กับเจ้าของธุรกิจ เพื่อให้เหมาะสมกับแบรนด์และสินค้าของท่านมากที่สุด
1. บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เน้นการใช้สีธรรมชาติ (Earth tone)
ในเวลานี้ผู้บริโภค รวมไปถึงผู้ผลิตต่างให้ความสำคัญและตระหนักในสิ่งแวดล้อม ดังนั้นมันจึงส่งผลต่อการออกแบบบรรจุภัณฑ์ในปัจจุบัน เพราะไม่ใช่เพียงแค่การสร้างสรรค์เพื่อความสวยงาม แต่การออกแบบบรรจุภัณฑ์ควรทำมาจากวัสดุที่เป็นมิตร คำนึงต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถบ่งบอกได้ว่าแบรนด์ของท่านนั้นให้ความสำคัญ
โดยอาจออกแบบร่วมกับการใช้สีธรรมชาติ หรือสีเอิร์ธโทน ซึ่งสีโทนนี้จะได้รับความนิยมมากในหมู่แบรนด์อาหาร หรือเครื่องสำอางที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ เพื่อสร้างจุดยืนที่ชัดเจนให้กับแบรนด์ การออกแบบจากที่กล่าวมายังสื่อถึงสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ และความเป็นธรรมชาติได้อีกด้วย เช่น แบรนด์อาหารที่ทำจากพืช 100% ไม่มีเนื้อสัตว์เจือปน การใช้สีน้ำตาล สีเขียวในส่วนของบรรจุภัณฑ์ จะทำให้สื่อถึงธรรมชาติ และตัวตนของแบรนด์ได้อย่างดี
2. ใช้สีสันสดใส สีแห่งความสุข (Ecstatic Colours)
Ecstatic Colors เป็นการออกแบบที่เน้นสีสันที่สดใสและจัดจ้าน เรียกว่า ‘สีแห่งความสุข’ ช่วยทำให้สินค้าของคุณนั้นโดดเด่น ซึ่งสีเหล่านี้ จะบ่งบอกถึงความสนุกสนาน ดูสดใหม่ สื่อถึงความขี้เล่น มีความมั่นใจในตัวเองสูง ไม่เกรงกลัวใคร และยังสามารถสื่อถึงความหวังได้อีกด้วย ทำให้เมื่อลูกค้าเห็นแล้วต้องสะดุดตาอย่างแน่นอน สำหรับแบรนด์ไหนที่อยากมีภาพลักษณ์โดดเด่น มีความขี้เล่น สามารถนำการออกแบบนี้มาปรับใช้ในผลิตภัณฑ์ของท่านได้ เช่น การออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มวัยรุ่น จึงเหมาะกับการใช้สีนีออน สีสันสดใสเตะตาโดนใจ
3. ตกแต่งเก๋ ๆ ด้วยสติกเกอร์สไตล์ 90’s (Sticker)
ถึงแม้ว่าในยุค 90 จะมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่สามารถสะท้อนถึงในยุคนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพลง ภาพยนตร์ ศิลปิน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคนั้นตู้ถ่ายสติกเกอร์เป็นอะไรที่โดดเด่นมาก การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ตกแต่งด้วยสติกเกอร์สามารถทำให้ใครหลาย ๆ คนที่เป็นวัยรุ่น หรือคนที่ชื่นชอบในยุค 90 หวนคิดถึงในอดีตได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีความสนุก สะท้อนให้รู้สึกถึงความสุขที่เรียบง่าย ลองออกสินค้าพิเศษโดยใช้การออกแบบนี้ อาจจะทำให้ลูกค้าหลงรักแบรนด์ของท่านมากขึ้น
4. เพราะสไตล์ 70’s ไม่เคยเก่า (Vintage)
การออกแบบสไตล์วินเทจ เป็นเทรนด์ที่แทบจะอยู่ในทุกยุคสมัย เพราะเป็นสไตล์ที่มีความคลาสสิกในตัว สามารถใช้ได้ตลอดไม่ว่ายุคสมัยไหน โดยจะพบบ่อยในบรรจุภัณฑ์สินค้าประเภทงานทำมือ หรือแบรนด์ที่มีประวัติอันยาวนาน ซึ่งการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความวินเทจนั้น จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความพิถีพิถัน รู้สึกมั่นคง ราวกับผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน ทำให้รู้สึกว่าสินค้านั้นดูคุ้นเคยและเข้าถึงได้ง่าย ทำให้ช่วยในเรื่องการตลาด สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับตัวสินค้าได้เป็นอย่างดี
5. เพิ่มประสบการณ์ด้วยเนื้อสัมผัส (Tactile texture)
ในขณะที่แบรนด์ต่าง ๆ กำลังมองหาวิธีที่ทำให้บรรจุภัณฑ์ของตนเองโดดเด่น การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่หลาย ๆ ท่านมักพลาดไป นั่นก็คือการเพิ่มเนื้อสัมผัสให้กับตัวบรรจุภัณฑ์ เป็นอีกหนึ่งลูกเล่นที่ช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์ได้ดีมาก เช่น การทำให้ตัวอักษร รูปภาพมีลักษณะนูนขึ้น หรือมีลักษณะกดทับลง, การฉลุ ซึ่งเป็นการตัดจนเกิดช่องว่างทำให้เกิดรูปทรงต่าง ๆ, การปั๊มฟอยล์ ที่ช่วยทำให้ในส่วนนั้นพิเศษขึ้นมา เป็นต้น ทำให้กลุ่มลูกค้าที่สัมผัสจะได้รับประสบการณ์ที่รู้สึกพิเศษกว่าบรรจุภัณฑ์ปกติ ซึ่งการใช้เทคนิคเหล่านี้จะสามารถเพิ่มมูลค่า การรับรู้ของผลิตภัณฑ์ ทั้งยังเหมาะกับสินค้าหลายแบบอีกด้วย
6. กระตุ้นความอยากรู้ ด้วยลวดลายแบบไร้รอยต่อ (Wrap-around)
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีลวดลายแบบไร้รอยต่อ จะกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของกลุ่มลูกค้า ทำให้พวกเขารู้สึกอยากหยิบผลิตภัณฑ์ขึ้นมาดู เพราะองค์ประกอบของดีไซน์ไม่ได้จบแค่ด้านหน้าของสินค้าเท่านั้น แต่สามารถดูได้คลอบคลุมทุกด้านของสินค้า อีกทั้งยังสามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคได้อีกด้วย โดยเฉพาะหากเรียงกันบนชั้นวางสินค้า จะทำให้เกิดความสอดคล้องกันของรูปแบบ โดยเหมาะกับผลิตภัณฑ์ในรูปแบบกระป๋อง หรือขวด
7. เรียบง่าย แต่น่าดึงดูด กับการออกแบบแนว Illustration
การออกแบบแนว Illustration ที่เน้นความเรียบง่าย ตัดทอนแสงและเงา และส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น ลดลายเส้นที่รกมากจนเกินไป หรือใช้สีที่น้อยลง แต่ยังคงสื่อสารเรื่องราวของผลิตภัณฑ์ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังสะท้อนถึงความสดใส ความสนุกสนาน และยังสามารถดึงเอาสีที่เป็นสีเดียวกับส่วนผสมมาใช้เพื่อดึงดูดใจกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรู้ส่วนผสมภายในผลิตภัณฑ์นั้น ๆ นอกจากนี้ยังสามารถแยกแยะได้อีกว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีรสชาติแบบไหนได้ด้วย
8. ให้มาสคอตเชื่อมโยงกับผลิตภัณฑ์ (Mascot)
การใช้มาสคอตเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ก็สามารถสื่อความเป็นตัวตนของแบรนด์ได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มลูกเล่นให้ผลิตภัณฑ์ดูมีเรื่องราวมากขึ้น และยังดึงดูดใจกลุ่มลูกค้า ซึ่งการใช้มาสคอตยังเหมาะกับแบรนด์ที่มีสินค้าหลายรูปแบบ แต่ก็สามารถรักษาความเป็นแบรนด์ของตัวเองไว้ได้ผ่านการใช้มาสคอตตัวเดียวกัน โดยอาจจะมีการเปลี่ยนสี หรือการแต่งตัวของมาสคอตที่เปลี่ยนไปของแต่ละสินค้า แบรนด์ส่วนใหญ่ที่ใช้ดีไซน์การออกแบบนี้มักจะเป็นพวกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ๆ อย่างขนม เครื่องดื่ม เป็นต้น
9. เพิ่มเสน่ห์ด้วยการ์ตูน (Cartoon)
การใช้การ์ตูนในการออกแบบบรรจุภัณฑ์มีเสน่ห์และพิเศษเสมอ เพราะรูปการ์ตูนสามารถเพิ่มความสนุกสนาน ความน่ารัก ความสวยงาม หรือสิ่งแวดล้อมที่ให้ความรู้สึกพิเศษ ชวนให้คิดถึงวัยเด็ก และการมีการ์ตูนเหล่านี้บนบรรจุภัณฑ์ยังสามารถเสริมสร้างบุคลิกของแบรนด์ให้เห็นว่าเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงได้ แสดงถึงความเรียบง่าย
10. ใช้ตัวอักษรในการสื่อสาร (Typography)
ตัวอักษรนั้นมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากเป็นสิ่งที่สามารถสื่อสารได้อย่างตรงตัวและชัดเจนที่สุด โดยเฉพาะในส่วนของชื่อแบรนด์ หรือชื่อผลิตภัณฑ์ที่ควรจะใหญ่เป็นพิเศษ สามารถใช้เพื่อสื่อถึงตัวตนของแบรนด์ของท่านได้ ในแง่ของความสวยงาม อาจจะเติมความคิดสร้างสรรค์ลงไปในชื่อ เช่น การเขียนตัวอักษรด้วยลายมือที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นกันเอง จึงเป็นเทรนด์ออกแบบที่เหมาะกับสินค้าประเภทโฮมเมด
11. ใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงในภาพบรรจุภัณฑ์ (Product visuals)
ภาพผลิตภัณฑ์เป็นส่วนสำคัญในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ซึ่งมีประโยชน์ในการสื่อถึงสิ่งที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ โดยอาจเป็นการนำเสนอผ่านรูปทรงนามธรรม เรขาคณิตที่มีความเรียบง่าย (Geometric) อย่าง สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม วงกลม ลายจุด ลายขวาง มาใช้เป็นองค์ประกอบหลักในการออกแบบ รวมไปถึงสีที่ช่วยแสดงออกในด้านความหมาย ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีความโดดเด่น มาพร้อมกับความคิดสร้างสรรค์ สามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าได้
12. ยิ่งใส่ดีไซน์มากก็ยิ่งดี! (Maximalist Designs)
ในท้องตลาดปัจจุบันที่มักจะนิยมความเป็น Minimal ไม่ว่าจะเป็นบ้าน แฟชั่น หรือแม้แต่บรรจุภัณฑ์ แต่ปัจจุบันก็มีหลาย ๆ แบรนด์ที่คิดว่า ‘ยิ่งมากก็ยิ่งดี’ (More is more) เป็นการออกแบบที่ดึงเอาสิ่งที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และแบรนด์เข้ามาอยู่ด้วยกัน อาจจะเป็นแบบหรูหรา หรือใช้สีสันที่หลากหลาย เพื่อให้กลุ่มลูกค้ารู้สึกเต็มอิ่ม ซึ่งการออกแบบในลักษณะนี้ สามารถนำ รูปภาพ ตัวอักษร และสี มาเชื่อมโยงรวมกัน โดยการตกแต่งที่ดูเยอะไม่ได้หมายความว่าจะต้องดูยุ่งเหยิงเสมอไป เพราะความเป็นระเบียบก็ยังคงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ โดยอาจต้องมีการจัดวางองค์ประกอบของสิ่งต่าง ๆ ให้ออกมาสวยงาม ซึ่งมีแบรนด์จำนวนไม่น้อยที่เชื่อว่าสามารถสร้างการจดจำในหมู่ผู้บริโภคได้อย่างดี
13. น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ (Minimalist Designs)
เมื่อมี Maximal แล้วจะขาด Minimal ได้อย่างไร ซึ่งในโลกปัจจุบันต้องมีการสื่อสารที่รวดเร็ว อะไรที่เกินจำเป็นก็ควรละทิ้ง (Less is more) เพื่อให้สื่อสารได้อย่างชัดเจนและง่ายที่สุด ซึ่งแบรนด์ที่มีความต้องการในรูปแบบนี้ การออกแบบสไตล์มินิมอลจะตอบโจทย์และมีความเหมาะสมกับแบรนด์ของท่านมากที่สุด ดังนั้นในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ควรรักษาสาระสำคัญเอาไว้ อะไรที่ไม่จำเป็นก็ควรตัดออก เพื่อให้กลุ่มลูกค้าเข้าใจได้ในทันที
แต่ความยากในการออกแบบบรรจุภัณฑ์แบบ Minimal นั้นก็คือ จะทำอย่างไรให้โดดเด่นและแตกต่างจากแบรนด์อื่น ที่ปัจจุบันหลายๆแบรนด์มักใช้การออกแบบในลักษณะนี้ แน่นอนว่าในท้องตลาดท่านสามารถหาการออกแบบนี้ได้ไม่ยากนัก ทำให้หลาย ๆ แบรนด์ ต้องมีการผสมผสานสีสันเข้ากับการออกแบบ Minimal เพื่อช่วยสร้างความแตกต่างจากแบรนด์อื่น ๆ
14. สีขาว-ดำ คู่สียอดฮิตของความคลาสสิค (Black & White)
อีกหนึ่งเทรนด์ที่มีความคลาสสิกไม่แพ้กัน กับการใช้คู่สียอดฮิตตลอดกาลอย่างสีขาวและดำในสไตล์ที่เรียบง่าย ทำให้เป็นเทรนด์การออกแบบที่สามารถอยู่ได้ในทุกสินค้า ทั้งผลิตภัณฑ์ของผู้ชายและผู้หญิง เเสดงถึงความหรูหรา คลาสสิค มีสไตล์ โดยถึงแม้จะไม่มีสีสันใด ๆ บนบรรจุภัณฑ์เลย นอกจากสีขาวและสีดำ แต่นั่นก็ทำให้ลูกค้ามุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่บรรจุภัณฑ์ เเละการสื่อสารของตัวเเบรนด์โดยตรง
15. เพราะความชัดเจนคือความจริงใจ (Transparent Packaging)
ถึงแม้บรรจุภัณฑ์จะเป็นกล่องสี่เหลี่ยมธรรมดา ๆ แต่ก็สามารถใส่ดีไซน์ที่สร้างสรรค์และแปลกใหม่ เพื่อสร้างจุดเด่นให้แตกต่างจากคู่แข่งได้ อย่างการออกแบบให้มีช่องที่สามารถมองเห็นผลิตภัณฑ์ผ่านวัสดุใส จะช่วยให้กลุ่มลูกค้าเห็นสินค้าภายในได้อย่างชัดเจน และแสดงถึงความจริงใจของแบรนด์ที่มีต่อลูกค้าได้อีกด้วย โดยการออกแบบบรรจุภัณฑ์รูปแบบนี้ มักจะพบในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องสำอาง
•─────✦❅✦─────•
จะเห็นได้ว่าในการสร้างแบรนด์สินค้าให้ได้รับความนิยม เป็นที่รู้จัก และจดจำแบรนด์ของเราได้นั้น มีความสำคัญในทุก ๆ ขั้นตอน ดังนั้นควรให้ความสำคัญตั้งแต่เริ่มต้น ทั้งการวางแผน การดำเนินการ ไปจนถึงสินค้า และบริการ โดยเฉพาะการเลือกใช้ชื่อแบรนด์ โลโก้ และบรรจุภัณฑ์ (Packaging) ที่สามารถทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ได้ง่ายที่สุด ฉะนั้น ทั้งสามอย่างที่กล่าวถึง ควรมีการออกแบบให้สอดคล้องกับแบรนด์และกลุ่มเป้าหมาย มีความสิริมงคลตามหลักฮวงจุ้ย รวมไปถึงความชัดเจน ทั้งในเรื่องความหมาย เอกลักษณ์ และจุดเด่น
✦ สนใจบริการ ออกแบบบรรจุภัณฑ์ กับอ.ชัญ Thelucky ✦
✦ ถ้าท่านกำลังมองหาชื่อแบรนด์มงคล โลโก้แบรนด์ หรือบรรจุภัณฑ์ สามารถติดต่อสอบถามกับทาง อ.ชัญ ได้ที่ Line: @theluckyname โดย อ.ชัญ จะตั้งชื่อแบรนด์ผ่านการวิเคราะห์หลักเลขศาสตร์ ซึ่งจะได้ชื่อแบรนด์ที่เป็นมงคล ไม่ซ้ำใคร ในส่วนของโลโก้และบรรจุภัณฑ์ (Packaging) จะเลือกใช้สีที่เสริมธาตุตามหลักฮวงจุ้ยจีน โดยพิจารณาจากวันเดือนปีเกิด เจ้าของกิจการ และหุ้นส่วนประกอบ เพื่อเสริมความเป็นมงคลให้กับทางแบรนด์ และเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ด้วยค่ะ
ดูรีวิว จากผู้ใช้บริการจริง ตั้งชื่อลูก ตั้งนามสกุล ตั้งชื่อบริษัท ตั้งชื่อร้าน ออกแบบโลโก้ ดูฤกษ์คลอด ฤกษ์มงคล
อ.ชัญ thelucky ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ย – www.theluckyname.com
